ตรวจสอบอุปกรณ์ Smoke Detector
อุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detector) คือ อุปกรณ์ตรวจจับควันที่เกิดจากเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งโดยมากการเกิดเพลิงไหม้จะเกิดควันก่อน จึงทำให้สามารถตรวจพบเพลิงไหม้ตั้งแต่การเกิดเพลิงไหม้ระยะแรก สามารถตรวจจับเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างรวดเร็ว
การตรวจสอบอุปกรณ์ Smoke Detector ตามมาตรฐานของผลิตภัณฑ์หลังจากการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับควันไปแล้วทุก 1-2 ปี ควรมีการสำรวจความพร้อมของอุปกรณ์ว่ายังสามารถใช้งานได้หรือไม่ เนื่องจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อม เช่น ฝุ่น ลม ความร้อน ความชื้น มีผลทำให้อุปกรณ์ตรวจจับควันเกิดความเสียหายหรือมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ชิ้นส่วนสำคัญของอุปกรณ์ที่ติดตั้งยังอยู่ครบ เช่น หลอดไฟแสดงผล อุปกรณ์ต่อสัญญาณกับวงจรสัญญาณ ตรวจสอบว่ามีฝุ่นสะสมอยู่ภายในตัวตรวจจับหรือไม่ เนื่องจากการสะสมของฝุ่นจะส่งผลต่อการตรวจจับควันไฟให้ไม่สามารถทำงานได้ดี ตาข่ายป้องกันแมลงที่ติดตั้งบนกล่องครอบอุปกรณ์อยู่ในสภาพที่ยังใช้งานได้ดี และได้รับการทำความสะอาด ชิ้นส่วนโลหะของอุปกรณ์ไม่มีร่องรอยการผุกร่อน อุปกรณ์ยังคงติดตั้งอยู่อย่างมั่นคง น็อตที่ยึดอุปกรณ์ไม่หลุดหลวมและอยู่ในสภาพการใช้งานที่ปกติ
การทดสอบการทำงานของระบบ Smoke Detector
การทดสอบการทำงานของอุปกรณ์อุปกรณ์ตรวจจับควันต้องทดสอบการทำงานภายใต้สภาวะการใช้งานที่ได้ออกแบบเอาไว้ รวมทั้งต้องตรวจสอบระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าจากแหล่งสำรองให้กับอุปกรณ์ด้วย โดยทำการตัดการจ่ายไฟหลักเพื่อดูว่าแหล่งจ่ายไฟสำรองสามารถส่งกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ตรวจจับควันหรือไม่
วิธีทดสอบการตรวจจับควัน
1. ทำการทดสอบภายใต้อุณหภูมิระหว่าง 20-26 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ที่ 30-70% และความดันอากาศ 93.3 กิโลปาสคาล
2. ทดสอบด้วยละอองควันที่ใช้ในการทดสอบ ต้องทำการป้อนเข้ากล่องตรวจจับควันแบบต่อเนื่องจนกว่าอุปกรณ์จะแสดงสถานะตรวจจับได้หรือมีการแจ้งเหตุเกิดขึ้น โดยการทดสอบแต่ละครั้งต้องทำการระบายอากาศให้กล่องจนกว่าอุปกรณ์จะกลับไปแสดงสถานะปกติ และมีการไหลของอากาศอยู่ในระดับเสถียรไม่น้อยกว่า 30 วินาทีก่อนทำการทดสอบอีกครั้ง
3. การทดสอบในห้องทดสอบ อุปกรณ์ตรวจจับควันต้องปรับค่าไว้ให้ต่ำที่สุด หลังจากที่จุดเชื้อเพลิงแล้วให้ทำการจับเวลา เมื่อเครื่องเริ่มส่งสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ต้องต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 วินาที ซึ่งการประเมินผลการทดสอบคือ อุปกรณ์ตรวจจับควันแต่ละตัวต้องทำงานในช่วงความไวตามที่กำหนด