ระบบดับเพลิงด้วยแก๊สไนโตรเจน
ไนโตรเจนเป็นสารดับเพลิงชนิดหนึ่งในกลุ่มของแก๊สเฉื่อยซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มของสารสะอาดดับเพลิงที่มีความสามารถในการดับเพลิง ด้วยลดออกซิเจนภายในพื้นที่ป้องกัน โดยถูกนำมาใช้ดับเพลิงแทนสารดับเพลิงฮาล่อน 1301 ตามมาตรฐาน NFPA 2001 Standard on Clean Agent Fire Extinguishing Systems โดยคุณสมบัติของแก๊สไนโตรเจน เป็นสารดับเพลิงที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสและไม่นำไฟฟ้า ค่าทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศเป็นศูนย์ (เทียบจากค่าความทำลายโอโซนของสารทำความเย็น R-12 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 1 และเบากว่าอากาศ
วิธีการทำงานของระบบดับเพลิงด้วยแก๊สไนโตรเจน
แก๊สไนโตรเจนจะถูกบรรจุอยู่ในถังทนความดันซึ่งปกติจะถูกอัดความดันไว้ภายในถังประมาณ 200-300 bar เมื่อระบบถูกกระตุ้นให้ทำงาน แก๊สจะถูกฉีดออกจากถังผ่านหัววาล์วซึ่งจะมีวาล์วลดความดันที่หัวถัง (Regulator) เพื่อลดความดันลงเหลือประมาณ 60-110 bar ไปยังระบบท่อทางต่างๆและไปยังหัวฉีดสารในท้ายที่สุด
การทำงานของระบบ จะเริ่มจากอุปกรณ์ตรวจจับ เช่น อุปกรณ์ตรวจจับด้วยควัน(Smoke detector) อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat detector) ฯลฯ โดยจะแบ่งโซนตรวจจับเพลิงไหม้ออกเป็น 2 โซน เพื่อทำการตรวจทานคำสั่ง (Cross zone)ที่ตู้ควบคุมการสั่งฉีด(Release panel) ก่อนจะส่งสัญญาณไปยังโซลินอยด์วาล์วเพื่อเปิดวาล์วที่หัวถังไนโตรเจน และฉีดสารไปยังพื้นที่ป้องกันแบบฉีดท่วมทั้งห้อง (Total flooding) ที่แจ้งว่ามีเหตุเพลิงไหม้
ข้อจำกัดในการออกแบบและติดตั้ง
1. พื้นที่ที่ต้องการป้องกัน(Protected area) จะต้องเป็นพื้นที่ปิด(Enclosure) เสมอ
2. การเดินท่อและการติดตั้งหัวฉีดสาร(Nozzle) จำเป็นจะต้องทำอย่างระมัดระวัง และต้องผ่านการคำนวณโดยโปรแกรมเพื่อให้แน่ใจว่า สารดับเพลิงจะมีความดันเพียงพอที่จะฉีดออกไปได้ตามที่คู่มือของแต่ละผลิตภัณฑ์กำหนดไว้
3. การออกแบบจะต้องออกแบบให้ระบบฉีดสารตามความเข้นข้นของสารที่ออกแบบไว้น้อยกว่า 95% ภายในระยะเวลาไม่เกิน 60 วินาที(สำหรับเชื้อเพลิง Class B) และไม่เกิน 120 วินาที(สำหรับเชื้อเพลิง Class A และ C) และจะต้องกักเก็บสารไว้ภายในห้องให้ได้อย่างน้อย 10 นาที หรือมากกว่าหากมีความจำเป็น
4. จะต้องทำการทดสอบท่อด้วยความดันไม่น้อยกว่า 40 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว(psi) เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 นาที โดยหลังจากผ่าน 10 นาทีไปแล้วความดันภายในท่อจะต้องไม่น้อยกว่า 80% ของความดันที่ทดสอบ
5. จะต้องติดตั้งช่องระบายความดัน (Relief pressure damper,Relief vent) โดยขนาดของช่องระบายความดันนั้นจะต้องได้รับการคำนวณอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันความเสียหายอันเนื่องมาจากความดันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงแรกเริ่มของการทำงานของระบบ
6. หลังจากติดตั้งทุกอย่างเสร็จแล้ว จะต้องทำการทดสอบการรั่วของห้อง(Room integrity test) โดยผู้เชี่ยวชาญและได้รับใบรับรองด้านการทดสอบ เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าสารจะไม่รั่วไหลออกจากห้องก่อนเวลาอันควร (ควรจะทำการตรวจสอบทุก 12 เดือน) และผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน
7. ผู้ออกแบบติดตั้งควรได้รับใบรับรองโดยตรงจากผู้ผลิต เพราะในแต่ละผลิตภัณฑ์จะมีความแตกต่างในการติดตั้งเ ซึ่งอาจมีผลกระทบโดยตรงต่อการดับเพลิง
และถึงแม้จะถูกเรียกว่า สารสะอาดดับเพลิง แต่มนุษย์ก็ไม่ควรจะรับสารโดยตรงต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 5 นาทีขึ้นไปตามความเข้มข้นที่แนะนำในการออกแบบ